Monday, June 1, 2009

อาหารบนเกาะช้าง

สิ้นสุดการหาที่พัก ท้องก็เริ่มหิว พวกเราจึงสอบถามเจ้าหน้าที่รีสอร์ท ว่า มีร้านอาหารแนะนำบางไหม ได้รับคำตอบว่า มี ”ร้านเจ๊อิ๋ว” อยู่ไม่ไกลจากรีสอร์ทนัก ตั้งอยู่ห่างจากทางไปน้ำตกคลองพูลนิดเดียว หลังจากนั้นเราจึงเดินทางไปยังร้านเจ๊อิ๋ว ตอนเข้าไปที่ร้านอาหารเวลาก็ประมาณ บ่ายสองโมงกว่าๆ ลูกค้าในร้านยังไม่ค่อยมาก เราก็สั่งอาหารทะเลมากินกัน รสชาติอาหารอร่อยทีเดียว ราคาก็ไม่แพง ทราบมาว่า ร้านนี้ช่วงค่ำๆ จะมีชาวต่างชาติเข้ามารับประทานกันมาก เพราะมีการย่างอาหารทะเล เช่น การย่างปลาหมึก หอยแครง หอยหวาน กุ้ง และมีการย่างบาร์บีคิว ด้วย
หอยแครงลวก

ปลากระพงทอดราดน้ำปลา


ต้มยำกุ้งน้ำใส


ปลาหมึกทอดกระเทียม


โป๊ะแตกทะเล


หอยนางรม





Thursday, May 7, 2009

บทที่ สอง พักที่ไหนดีบนเกาะช้าง(Koh Chang)

หาดแรกที่เจอ ชื่อว่า หาดทรายขาว (White Sand Beach) ให้ความรู้สึกเหมือนมาพัทยา ร้านค้าตั้งติดๆกัน ชาวต่างชาติเยอะแยะ ดูแล้ววุ่นวาย เสียดายไม่ได้ถ่ายรูปบรรยากาศมาให้ดู พวกเราสรุปความเห็นตรงกันว่า ขับรถหาที่พักต่อไปดีกว่า ตั้งใจว่าจะไปให้ครบทุกหาด แล้วค่อยเลือกที่พัก ที่ถูกใจ
หาดที่สอง ชื่อว่า หาดคลองพร้าว (Klong Prao Beach) ไม่ค่อยพลุกพล่านเหมือนหาดแรก เราแวะเข้าดู AANA Resort ก่อน สวยมากขอบอก ที่พักตกแต่งสไตล์บาหลี ห้องทุกห้อง ถูกเชื่อมไปยังสถานที่ต่างๆ ด้วยสะพาน เช่น ทางไปร้านอาหาร สระว่ายน้ำ พื้นที่ด้านข้างสะพานมีต้นไม้ล้อมรอบ เห็นแล้ว รู้สึกสดชื่นดี หากเราขึ้นไปชมวิวบริเวณเหนือสระน้ำ จะเห็นนักท่องเที่ยวพายเรือคยัค(kayak) ในคลองขุด ที่เชื่อมไปถึงบริเวณปากอ่าวคลองพร้าว สอบถามเจ้าหน้าที่ทราบว่า ลูกค้าที่เข้าพักจะได้สิทธิ์พายเรือคยัคฟรี หลังจากดูที่พักของรีสอร์ทแล้ว เราก็ตกลงกันว่า นี่แหละโดนใจแล้ว เข้าพักที่นี่แหละ หาดอื่นๆเดี๋ยวค่อยขับรถเที่ยวทีหลัง แต่ข่าวร้ายประชาสัมพันธ์บอกว่า ว่างเพียงหนึ่งห้องเท่านั้น พักได้สองคน เป็นอันว่าเราพลาดการเข้าพักรีสอร์ทสวยๆนี้ไป จึงเดินทางออกจากรีสอร์ท แล้วก็เดินทางต่อไป
หาดที่สาม ชื่อว่า หาดไก่แบ้ ลักษณะคล้ายๆกับ หาดคลองพร้าว แต่เราไม่ลงไปดู เราขับเรื่อยไปจนถึง หาดบางเบ้า เป็นหาดที่สี่ ตรงนี้แหละความคิดที่จะขับรถไปให้สุดทางต้องหยุดลง เพราะสภาพทางที่โค้งและชัน น่ากลัวกว่าโค้งทุกโค้งที่ผ่านมา เราเรียกกันว่า Sเล็ก ประกอบกับ เพื่อนได้โทรสอบถามรีสอร์ทที่สลักเพชร (ลืมบอกไปว่า ระหว่างอยู่บนรถได้พยามยามหาที่พักโดยโทรเช็คกับรีสอร์ทต่างๆอยู่)ทราบว่า ทางที่เราวิ่งอยู่นี้ไม่สามารถไปยังสลักเพชรได้ ต้องวิ่งย้อนกลับ เพราะอยู่อีกด้านของเกาะ หลังจากวิ่งรถไปสักพัก เราก็ตัดสินใจกันว่า เราย้อนกลับเถอะ เพื่อนก็ได้ติดต่อที่พักที่สลักเพชร เพื่อให้แน่ใจว่า คืนนี้เราจะมีที่พักแน่นอน ปรากฎว่า ทางรีสอร์ทบอกว่ามีห้องว่างอยู่ เราจึงตัดสินใจเดินทางย้อนกลับ ผ่านเส้นทางที่เรามา ก็สร้างความตื่นเต้น แล้วก็ลุ้นอีกครั้งกับโค้งเอสเล็ก ที่บางเบ้า ระหว่างนั้นเราก็โทรคุยกับเพื่อนที่เคยมา เขาบอกว่าสลักเพชร ทางไปไม่โค้งมากเหมือนฝั่งนี้ แต่ไม่มีหาดให้เล่นน้ำ ตอนเช้าต้องให้เขาพาเราไปดำน้ำ เราปรึกษากันอีกครั้งเรื่องที่พัก เพราะเราต้องการเล่นน้ำ พายเรือคยัค และดำน้ำ เลยตกลงกับว่า เราจะหาที่พักที่หาดคลองพร้าวอีกครั้ง ระหว่างทางเราก็แวะดูรีสอร์ข้างทางมาเรื่อยๆ จนมาเจอ

คลองพร้าวรีสอร์ท เป็นรีสอร์ทที่สวยงาม มีคลองขุดเล็ก เชื่อมต่ออ่าวคลองพร้าว
ที่สำคัญจากบริเวณหน้าหาด สามารถมองเห็น AANA Resort ซึ่งภาพที่เห็นบริเวณนั้นสวยงามมากจริง ถามเจ้าหน้าที่ ทราบว่า มีบริการเรือคยัค มีบริการดำน้ำ มีสระว่ายน้ำ เป็นอันว่าพวกเราตกลงที่จะพักที่นี่แหละการเดินทางของเรายังไม่สิ้นสุดนะ ติดตามตอนต่อไปนะคะ แล้วช่วยบอกพวกเราที่ ว่าพวกเราเดินทางมาถึง “เกาะช้าง” แล้วหรือยัง























Wednesday, April 29, 2009

บทที่ หนึ่ง การเดินทางสู่เกาะช้าง

การเดินทางครั้งนี้ เป็นการเดินทางแบบไม่ตั้งใจ ไม่ได้เตรียมตัวอะไร ประเภทพูดกันวันนี้ สองวันเดินทาง แต่ละคนไม่มีข้อมูลอะไรเลย นอกเสียจากมีจุดหมายปลายทางเดียวกันที่ “เกาะช้าง” ก็คงเหมือนกับใครหลายคนที่จะไปเที่ยวไหนสักที่ ที่ที่เราไม่เคยไป ต้องต้องอาศัยข้อมูลของผู้เคยไปมาแล้ว มาแลกเปลี่ยนกัน แหล่งที่หาง่ายสุด ณ ชั่วโมงรีบเร่งแบบนี้ คงเป็นที่เดียว คือ ข้อมูลทางอินเตอร์เน็ต ดู ดู ดูแล้วก็ดู ไม่มีการจองที่พัก เพื่อนบอกว่า เยอะแยะเนื่องจากคนทยอยกลับกันหมดแล้ว ลืมบอกไปว่า เราเดินทางหลังวันสงกรานต์ที่รัฐบาลประกาศหยุดเสียยาวนาน พวกเราหยุดรับรู้เรื่องราวทางการเมืองชั่วคราว รู้แต่ว่า ไปเที่ยวกันเถอะ ไปชาร์ดแบ็ต แล้วจะได้กลับมาทำงานใหม่ นอกจากนี้ยังเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ ตามนโยบายของรัฐบาล
และแล้ววันเดินทางก็มาถึงในสองวันถัดมา

18-04-2009
การเดินทางครั้งนี้มีผู้ร่วมเดินทางทั้งหมด 4 คน เดินทางออกจากจังหวัดระยอง ประมาณ 6:30 น. แวะรับเพื่อนคนสำคัญที่ นายายอาม จังหวัดจันทบุรี ถึงอ่าวธรรมชาติ เวลาประมาณ 10:00 น. เพื่อไปขึ้นเรือ Ferry ข้ามไปเกาะช้าง ซึ่งพวกเราได้สอบถามผู้รู้มาแล้วว่า เรือจะออกเดินทางข้ามฟากในทุกๆ 20 นาที อัตราค่าโดยสารเรือ Ferry ข้ามฟาก เขาคิดค่านำรถยนต์ข้ามฟาก คันละ 100 บาท ค่าโดยสารคนละ 60 บาท ตีไปกลับก็ 680 บาท (ผู้เดินทาง 4 คน กับรถเก๋ง 1 คัน) ใช้เวลาเดินทางจริงก็ประมาณ 20 นาทีเศษ


ระหว่างที่นั่งไปรู้สึกว่าไม่นานนะ เพราะมัวแต่เพลิดเพลินกับทัศนียภาพ ไม่ว่า จะเป็น สีของน้ำทะเล( สีเขียวอมน้ำเงิน)หากได้มองจากท้ายเรือจะเห็นคลื่นแตกเป็นฟองสีเขียวอ่อนสวยงามที่เดียว มองไปด้านหน้าก็เห็นภาพของเกาะช้าง รู้แล้วหละว่าทำไมเขาเรียก เกาะช้าง เพราะเกาะที่เห็นตรงหน้าเป็นรูปส่วนบนของช้าง ตั้งแต่ส่วนของหัวช้างไปจนถึง ส่วนหลังของช้าง ถัดไป ก็เป็นเกาะช้างเล็ก ไม่รู้เรียกถูกหรือเปล่า เพราะรูปร่างเหมือนลูกช้าง

พอเรือถึงเกาะช้าง การเดินทางก็เริ่มขึ้น จากท่าเรือเราตัดสินใจว่าเราจะเลือกเลี้ยวรถไปทางด้านขวา เพื่อเดินทางไปด้านหลังเกาะ เส้นทางเริ่มคดเคี้ยวเป็นรูปตัว S ทางชันพอสมควร ซึ่งเราไม่ทราบเลยว่า ทางจะเป็นแบบนี้ สอบถามคนที่เคยมาเมื่อหลายปีก่อน เขาบอกว่า เมื่อก่อนถนนบนเกาะน่ากลัวกว่านี้อีก เพราะยังไม่มีการลาดยาง และทางก็แคบกว่าปัจจุบัน ทิวทัศน์ด้านข้างสวยมาก มองเห็นหาดทรายลึกลงไปด้านล่าง ตลอดทางก็จะมีป้ายบอกสถานที่พักอาศัยตลอดทาง ก็เลือกเอาแล้วกันว่า จะชอบพักที่อ่าวไหน จากนั้นเราก็เดินทางเพื่อหาที่พักสำหรับค่ำคืนนี้กัน